วงดนตรีไทยประเภทหนึ่งซึ่งประกอบด้วยเครื่องเป่า คือ ปี่ ผสมกับเครื่องตี ได้แก่ระนาดและฆ้องวงชนิดต่าง ๆ เป็นหลัก และยังมีเครื่องกำกับจังหวะ เช่น ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง ตะโพน กลองทัด กลองแขก และกลองสองหน้า ปี่พาทย์นี้บางสมัยเรียกว่า "พิณพาทย์" วงปี่พาทย์อาจจำแนกประเภทแตกต่างกันไป แต่ที่พอจะรวบรวมได้
มีทั้งสิ้น 8 แบบ
1. วงปี่พาทย์เครื่องห้า

เป็นวงปี่พาทย์ที่เป็นวงหลัก มีจำนวนเครื่องดนตรีน้อยชิ้นที่สุด ดังนี้
1.ระนาดเอก
2.ฆ้องวงใหญ่
3.ปี่
4.กลองทัด
5.ตะโพน
6.ฉิ่ง
เดิมวงปี่พาทย์เครื่องห้าไม่มีระนาด แต่ภายหลังเพิ่มระนาดเข้ามาแต่ก็ยังเรียกวงปี่พาทย์เครื่องห้าอยู่จนถึงปัจจุบัน
2. วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่
เป็นวงดนตรีเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ ใช้บรรเลงประกอบการแสดงโนราห์ชาตรี และหนังตลุงทางภาคใต้ของไทย เรียกว่า “ วงปี่พาทย์ชาตรี “ และที่เรียกว่า “ วงปี่พาทย์เครื่องเบา “ เพราะเรียกชื่อให้ตรงกันข้ามกับ “ ปี่พาทย์เครื่องหนัก “
3. วงปี่พาทย์เสภา

-ปี่ใน 1 เลา
-ระนาดเอก 1 ราง
-ฆ้องวงใหญ่ 1 วง
-กลองทัด 2 ลูก
-ตะโพน 1 ลูก
-ฉิ่ง 1 คู่ (ในบางกรณีอาจใช้ฉาบ กรับ โหม่งด้วย)
วงปี่พาทย์เสภาเป็นวงดนตรีไทยชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2
4. วงปี่พาทย์เครื่องคู่





พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีผู้คิดเครื่องดนตรีเพิ่มขึ้นอีก 2 อย่าง คือ
ระนาดทุ้มกับฆ้องวงเล็ก และนำเอาปี่นอกซึ่งใช้ในการบรรเลงปี่พาทย์สำหรับการแสดง
หนังใหญ่สมัยโบราณมารวมเข้ากับวงปี่พาทย์เครื่องห้าที่มีอยู่เดิม
-ระนาด 1 คู่ คือ ระนาดเอกและระนาดทุ้ม
-ฆ้องวง 1 คู่ คือ ฆ้องวงใหญ่และฆ้องวงเล็ก
-กลองทัด 1 คู่
-ตะโพน 1 ลูก
-ฉิ่ง 1 คู่
-ฉาบเล็ก 1 คู่
-ฉาบใหญ่ 1 คู่
-โหม่ง 1 ใบ
-กลองสองหน้า 1 ลูก (บางทีใช้กลองแขก 1 คู่ แทน) และในบางกรณีอาจใช้กรับด้วย
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีผู้คิดเครื่องดนตรีเพิ่มขึ้นอีก 2 อย่าง คือ
ระนาดทุ้มกับฆ้องวงเล็ก และนำเอาปี่นอกซึ่งใช้ในการบรรเลงปี่พาทย์สำหรับการแสดง
หนังใหญ่สมัยโบราณมารวมเข้ากับวงปี่พาทย์เครื่องห้าที่มีอยู่เดิม
-ระนาด 1 คู่ คือ ระนาดเอกและระนาดทุ้ม
-ฆ้องวง 1 คู่ คือ ฆ้องวงใหญ่และฆ้องวงเล็ก
-กลองทัด 1 คู่
-ตะโพน 1 ลูก
-ฉิ่ง 1 คู่
-ฉาบเล็ก 1 คู่
-ฉาบใหญ่ 1 คู่
-โหม่ง 1 ใบ
-กลองสองหน้า 1 ลูก (บางทีใช้กลองแขก 1 คู่ แทน) และในบางกรณีอาจใช้กรับด้วย
5. วงปี่พาทย์นางหงส์





วงปี่พาทย์นางหงส์ใช้บรรเลงเฉพาะในงานศพมาแต่โบราณก่อนวงปี่พาทย์มอญ สาเหตุที่เรียกว่าปี่พาทย์นางหงส์ ก็เพราะใช้เพลงเรื่องนางหงส์ 2 ชั้น เป็นหลักสำคัญในการบรรเลง นอกจากนี้ยังมีวิวัฒนาการไปใช้บรรเลงเพลงภาษาต่าง ๆ เรียกว่า "ออกภาษา" ด้วย
วงปี่พาทย์นางหงส์ใช้บรรเลงเฉพาะในงานศพมาแต่โบราณก่อนวงปี่พาทย์มอญ สาเหตุที่เรียกว่าปี่พาทย์นางหงส์ ก็เพราะใช้เพลงเรื่องนางหงส์ 2 ชั้น เป็นหลักสำคัญในการบรรเลง นอกจากนี้ยังมีวิวัฒนาการไปใช้บรรเลงเพลงภาษาต่าง ๆ เรียกว่า "ออกภาษา" ด้วย
6.วงปี่พาทย์มอญ



ประกอบด้วยเครื่องดนตรีที่ได้อิทธิพลมาจากมอญ เช่น ฆ้องมอญ ปี่มอญ ตะโพนมอญ และเปิงมางคอก ปัจจุบันวงปี่พาทย์มอญมี 3 ขนาด ได้แก่
5.1 วงปี่พาทย์มอญเครื่องห้า ประกอบด้วยปี่มอญ ระนาดเอก ฆ้องมอญ ตะโพนมอญ เปิงมางคอก และเครื่องกำกับจังหวะ ได้แก่ ฉิ่ง ฉาบ โหม่ง
5.2 วงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ มีลักษณะเดียวกับวงปี่พาทย์มอญเครื่องห้า แต่เพิ่มระนาดทุ้มและฆ้องมอญวงเล็ก
5.3 วงปี่พาทย์มอญเครื่องใหญ่ มีลักษณะเดียวกับวงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ แต่เพิ่ม ระนาดเอกเหล็กและระนาดทุ้มเหล็ก
วงปี่พาทย์มอญนั้นที่จริงแล้วใช้บรรเลงในโอกาสต่าง ๆ ได้ทั้งงานมงคล เช่น งานฉลองพระแก้วมรกตในสมัยธนบุรี และงานอวมงคล เช่น งานศพ แต่ต่อมานิยมบรรเลงในงานศพ เนื่องจากท่วงทำนองเพลงมอญมีลีลาโศกเศร้า โหยหวน ซึ่งเหมาะกับบรรยากาศของงาน จนบางท่านนึกว่าปี่พาทย์มอญใช้บรรเลงเฉพาะในงานศพเท่านั้น
5.2 วงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ มีลักษณะเดียวกับวงปี่พาทย์มอญเครื่องห้า แต่เพิ่มระนาดทุ้มและฆ้องมอญวงเล็ก
5.3 วงปี่พาทย์มอญเครื่องใหญ่ มีลักษณะเดียวกับวงปี่พาทย์มอญเครื่องคู่ แต่เพิ่ม ระนาดเอกเหล็กและระนาดทุ้มเหล็ก
วงปี่พาทย์มอญนั้นที่จริงแล้วใช้บรรเลงในโอกาสต่าง ๆ ได้ทั้งงานมงคล เช่น งานฉลองพระแก้วมรกตในสมัยธนบุรี และงานอวมงคล เช่น งานศพ แต่ต่อมานิยมบรรเลงในงานศพ เนื่องจากท่วงทำนองเพลงมอญมีลีลาโศกเศร้า โหยหวน ซึ่งเหมาะกับบรรยากาศของงาน จนบางท่านนึกว่าปี่พาทย์มอญใช้บรรเลงเฉพาะในงานศพเท่านั้น
7.วงปี่พาทย์ชาตรี


( ปี่พาทย์ไม้แข็ง ) ทั้งนี้เพราะเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์ชาตรีมีน้ำหนักเบากว่าเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์ไม้แข็ง
ปี่พาทย์ชาตรีประกอบด้วยเครื่องดนตรีดังนี้
1. ปี่
2. โทนชาตรี
3. กลองชาตรี(กลองตุ๊ก)
4. ฆ้องคู่
5. ฉิ่ง
6. กรับไม้

( ปี่พาทย์ไม้แข็ง ) ทั้งนี้เพราะเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์ชาตรีมีน้ำหนักเบากว่าเครื่องดนตรีในวงปี่พาทย์ไม้แข็ง
ปี่พาทย์ชาตรีประกอบด้วยเครื่องดนตรีดังนี้
1. ปี่
2. โทนชาตรี
3. กลองชาตรี(กลองตุ๊ก)
4. ฆ้องคู่
5. ฉิ่ง
6. กรับไม้
8.วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์

เป็นวงปี่พาทย์ประสมชนิดหนึ่ง มีต้นเค้าสืบเนื่องมาจากละครดึกดำบรรพ์ ซึ่งเจ้าพระยา
เทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรม
พระยานริศรานุวัตติวงศ์ ร่วมกันปรับปรุงขึ้นโดยอาศัยแนวอุปรากร(Opera) ของ
ตะวันตกเข้ามาประกอบ ละครนี้ได้ชื่อตามโรงละคร ซึ่งเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ตั้ง
ชื่อว่า “โรงละครดึกดำบรรพ์” ละครก็เรียกว่า “ละครดึกดำบรรพ์” ด้วย วงปี่พาทย์ที่
บรรเลงในการเล่นละครครั้งนี้จึงมีชื่อว่า “ปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์” สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์
เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ได้ทรงคัดเลือกเครื่องดนตรีที่มีเสียงทุ้มนุ่มนวล
ประสมเข้าด้วยกันให้เหมาะสมกับการแสดงละครดึกดำบรรพ์ คือ ระนาดเอก(ใช้ไม้
นวม) ระนาดทุ้ม ระนาดทุ้มเหล็ก ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องหุ่ย 7 ใบ มีเสียงเรียงลำดับกัน 7
เสียง ขลุ่ยเพียงออ ตะโพน กลองตะโพน ฉิ่ง ซออู้ (เพิ่มขึ้นภายหลังเมื่อแสดงเรื่อง
สังข์ศิลป์ชัย ได้ทรงบรรจุเพลงสังขาราซึ่งต้องใช้ซออู้สีประกอบ) ขลุ่ยอู้ (มีผู้คิดเพิ่ม
ในภายหลัง)
วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์นี้นอกจากจะเปลี่ยนแปลงการประสมเครื่องดนตรีต่างไป
จากวงปี่พาทย์เดิมแล้ว ยังได้เปลี่ยนแปลงวิธีการตั้งเครื่องดนตรีอีกด้วย โดยตั้งระนาด
เอกไว้กลาง ระนาดทุ้มอยู่ขวา ระนาดทุ้มเหล็กอยู่ซ้าย ฆ้องวงใหญ่อยู่หลังระนาดเอก
ส่วนระเบียบวิธีการบรรเลงนั้นก็มีแบบแผนเฉพาะตัว ไม่เหมือนกับการบรรเลงในการ
แสดงโขนละครโดยทั่วไป
จากวงปี่พาทย์เดิมแล้ว ยังได้เปลี่ยนแปลงวิธีการตั้งเครื่องดนตรีอีกด้วย โดยตั้งระนาด
เอกไว้กลาง ระนาดทุ้มอยู่ขวา ระนาดทุ้มเหล็กอยู่ซ้าย ฆ้องวงใหญ่อยู่หลังระนาดเอก
ส่วนระเบียบวิธีการบรรเลงนั้นก็มีแบบแผนเฉพาะตัว ไม่เหมือนกับการบรรเลงในการ
แสดงโขนละครโดยทั่วไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น